เสริมดวงด้วย หินนำโชค

หินนำโชค : หินและแร่ผลึกสีสันสวยงามที่พวกเราเห็นกันอยู่ตามร้านขายเครื่องประดับต่างๆนั้น นอกจากสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยงามแล้ว หินบางชนิดความสามารถพิเศษซ่อนอยู่ในภายใต้สีสันที่สดใสเหล่านั้นอีกด้วย เพราะหินเหล่านึ้ตามตำราจีนโบราณ

มักจะทำหินพวกนึ้ไปทำเป็นเครื่องราชอสิริยภรณ์ ของขลัง และสร้อยคอแก้วแหวนและเครื่องประดับต่างๆ

วันนึ้ เรามาดูกันดีกว่าว่า หินแต่ละชนิดนั้น ช่วยเสริมชะตาชีวิตเราด้านใดบ้างค่ะ

อำพัน หรือ แอมเบอร์ (Amber)

หินสีส้มประกายสีเหลืองทองเป็นหินที่เกิดจากการตกผนึกของซากพืชซากสัตว์เป็นเวลาหลายล้านปีเป็นหินที่รวบรวมพลังงานจากใต้พื้นพิภพ มีประกายสีทองเมื่อสะท้อนแสงนับเป็นของล้ำค่าที่มีราคาสูงมาก นอกจากดูลึกลับและสวยงาม

ตัวหินเองก็มีความสามารถในการป้องกันสิ่งชัวร้ายและเรียกสิ่งดีๆเข้ามาสู่เจ้าของ นับเป็นหนึ่งในหินแห่งความโชคดี

โรสควอตช์ (Rose Quartz)

หินกุหลาบสีชมพูที่เกิดมาจากไทเทเนียมและแร่แมงกานีสผสมกันจนออกมาเป็นหินสีชมพูหวานแวว ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว โรสควอตช์เป็นหินที่จะนำมาซึ่งกำลังใจความรักความเมตตาและการให้อภัย ตัวหินจะคอยเยียวยาความรักให้กับเจ้าของที่ถือครองมันทำให้ ไปไหนมาไหนมีแต่คนรักคนหลง คู่รักใดที่ทะเลาะกันบ่อยๆพอได้ถือครองแล้วก็จะกลับมารักกันมากขึ้น

ลาพิช ลาซูลี่ (Lapis Lazuli)

หินสีน้ำเงินมีเกิดจาก แคลไซต์ ไพไรต์และลาซูไรต์ ในยุคอียิปต์โบราณ ได้มีการนำมันมาบดเป็นผงสีน้ำเงินและใช้ตกแต่งโลงศพ เพราะสีน้ำเงินสื่อนัยยะถึงความสูงส่งเลิศหรูและความเงียบสงบ ผู้ที่ถือครองหินนึ้จะได้รับการเยียวยาจากตัวหินทำให้ไม่เครียดวิตกง่ายแถมบางตำนานยังเชื่อว่าเป็นเหินที่สะท้อนให้เห็นถึง ความจริงทำให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น

หยก (Jade)

หินอัญมณีสีเขียวเป็นที่นิยมมาอย่างช้านานในทวีปแถบเอเชียในอดีตนั้นผู้คนเชื่อว่ามันเป็นหินจากสรวงสรรค์ที่มีพลังแห่ง

โชคดีสามารถเรียกโชคลาภความสุขและความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาหาผู้ถือครองได้ด้วยเหตุเรามักจะเห็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมหรือเทวรูปต่างๆนั้นมักจะมีหยกประดับอยู่นอกจากนึ้แล้วบางคนก็นำไปบดเป็นยาเพื่อรักษาโรคประหลาดที่รักษาไม่หาย

ทับทิม (Ruby)

หินมณีสีแดงสดเนื่องจากมีส่วนผสมของธาตุโครเมียมผสมอยู่ ทับทิมในความเชื่อของสมัยก่อนนั้นเชื่อว่าเป็นหินแห่งชัยชนะมักจะมีการฝังทับทิมไว้ที่เกราะดาบหรือมงกุฎก่อนออกรบ นอกจากนึ้ตัวหินนั้นเปรียบดั่งเหมือนเทพแห่งไฟที่จะช่วย

ให้ผู้ถือครองนั้น มีความร่าเริงสนุกสนานมีพลังบำบัดทางเพศและแก้ฝันร้าย นึกสิ่งใดมักได้สิ่งนั้นดั่งใจและชนะศัตรู

หยกพม่า คืออะไร ?

หยกพม่า เป็นอัญมณีสิ่งล้ำค่าที่อยู่คู่กับชาวไทยมาอย่างยาวนานแล้วนะคะ และเชื่อว่าหลายๆคนก็ต้องอยากได้หยกชิ้นนี้มาไว้ครอบครองเช่นกัน

หยกพม่ามีความแตกต่างจากหยกจีน โดยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือเรื่องของราคาเพราะว่าหยกพม่าเป็นหยกที่ได้รับการรับรองจากทางอัญมณีศาสตร์ว่าเป็นหยก แต่หยกจีนไม่ได้รับการรับรอง จึงถือว่าเป็นหินสีเขียว จึงทำให้หยกของพม่ามีราคาสูงกว่ามากๆและมีความต้องการสูงกว่า

หยกของพม่านั้นจะมีหลากหลายสีมากมายให้เลือกใส่ แต่ถ้าเป็นของจีน จะเป็นโทนสีเขียวๆ แต่ของพม่านี่มีให้เลือกตั้งขาว เหลือง อมฟ้า มากมาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีราคาสูงกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไลข้อมือก็เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมทำมาจากหยก ซึ่งจะต้องเป็นของพม่าแน่นอนเพราะ หยกจีนมีความเปราะมากจึงไม่สามารถขึ้นรูปออกมาเป็นกำไลข้อมือได้

ด้วยความที่ราคาสูง และมีความต้องการมากจึงไม่แปลกเลยที่จะมีของปลอมทำขึ้นมามากมายในตลาดอัญมณีของประเทศเรา โดยวิธีการแยกที่ง่ายสุดคือดูด้วยตาเปล่า แยกจากสีโดยอาจจะเทียบจากของแท้ และศึกษาด้วยว่าสีไหนที่มีการทำปลอมมากๆ (ซึ่งสีที่ทำปลอมกันเยอะก็มักจะเป็นสีขาว สีเขียวอ่อน)

หยกพม่ามีแหล่งกำเนิดตามชื่อเลยก็คือที่ประเทศพม่า ซึ่งก็ขุดได้ที่ประเทศพม่า (สมัยก่อนจะมีของประเทศจีนด้วยแต่เนื่องจากหมดแล้วจึงทำให้เหลือแค่เพียงที่พม่าที่เดียว) และทางประเทศพม่าเองก็มักจะนำหยกที่ขุดขึ้นมาได้ขายส่งต่อไปยังประเทศจีน เพราะจีนเป็นประเทศที่ชื่นชอบและให้ความสำคัญหยกเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นอัญมณีนำโชคของพวกเค้า

หยกชนิดนี้มีความเชื่อกันว่าถ้าใครได้ครอบครอง จะช่วยนำความร่ำรวย และคุ้มครองรักษาผู้ครอบครอง ยิ่งชาวไทยเชื้อสายจีนก็จะต้องมีความสนใจในหยกจากประเทศนี้อย่างแน่นอน

หยกเกาหลี เป็นหยกแบบไหน ?

ตามท้องตลาดอัญมณีในประเทศไทย ก็จะมีหยกหลายๆแบบ ไม่ว่าจะเป็นที่ราคาสูงๆ อย่างหยกพม่า รวมไปถึง หยกเกาหลี ที่จะมาพูดถึงให้ฟังในคราวนี้ค่ะ

ต้องบอกก่อนนะคะว่า หยกเกาหลี นั้นเป็นหยกปลอมที่ทำขึ้นมาจากเรซิ่น ก็คือสังเคราะห์เพื่อให้ขึ้นทรงเป็นรูปร่างขึ้นมา เพราะถ้าเป็นหยกแท้อย่างหยกพม่า เราก็จะต้องขุดในประเทศพม่าเท่านั้น

หยกเกาหลี ไม่มีส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับหยกจริงเลย ทำสีก็สีเขียวเหมือนหยกจักรพรรดิมาก แต่เพื่อที่จะไม่เรียกว่าเป็นหยกปลอม ในตลาดก็เลยตั้งชื่อเก๋ๆขึ้นมาว่า หยกเกาหลี เพื่อเลี่ยงคำว่าของปลอมออกไป

วิธีแยกหยกจักรพรรดิและหยกปลอม โดยวิธีแรกก็คือใช้กล้องส่องพระ ถ้าส่องแล้วของเกาหลีจะเห็นเป็นเส้นใยเป็นร่างแหทั่วทั้งชิ้น แต่ถ้าเป็นของแท้ จะบางๆเป็นเหมือนรากผักชี เพราะงั้นถ้าคุณจะไปซื้อหยกจักรพรรดิและหลีกเลี่ยงของปลอม ก็ควรจะนำกล้องส่องพระไปส่องด้วยนะคะ

สรุปก็คือ ถ้าจะซื้อใส่ก็เพื่อความสวยงามเท่านั้น เพราะของปลอมก็คงจะไม่มีคุณค่าหรือมีพลังอำนาจเหมือนของจริงเพียงแน่แท้ เพราะสุดท้ายแล้วหยกเกาหลีก็เป็นหยกที่ทำปลอมหยกจักรพรรดิเพียงเท่านั้น ใครจะไปซื้อเครื่องประดับชนิดนี้ก็ต้องศึกษาเรื่องนี้และระวังไว้ด้วยนะคะ