ไพฑูรย์

ไพฑูรย์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือตาแมว นั้นเป็นแร่คริสโซเบริล โดยพลอยชนิดนี้จะมีลักษณะพิเศษก็คือจะมีเส้นตรงพาดกลางหน้าพลอย และเส้นนี้สามารถเหลือบไปมาและปิดตาได้เมื่อหมุนพลอยไปมา

ไพฑูรย์นั้น จะเป็นอัญมณีที่อยู่ในหมวดของรัตนชาต ทั้ง 9 ด้วย โดยไพฑูรย์นั้นจะมีหลายสีเช่น สีเหลืองนวล สีน้ำผึ้ง สีน้ำตาล และอื่นๆ
และเนื่องจากเป็นอัญมณีที่มีความสวยงามก็จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะมีหลายสีที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีสีทองซึ่งเป็นสีที่หาได้ยากมากและราคาแพง

วิธีการดูไพฑูรย์นั้น เราก็ควรเลือกเม็ดที่ไม่มีรอยแตกร้าวให้เห็นบนหน้าพลอย และควรเรียบงาม มีความนูนงามพอสมควร ไม่แบนจนเกินไป เพื่อที่ให้เวลานำขึ้นไปบนตัวเรือ จะได้สัดส่วนที่สวยงาม แต่ส่วนของด้านล่างของไพฑูรย์ อาจจะมีรอยตำหนิแตก เพราะไม่สามารถเจียระไนให้สวยงามได้ทั้งเม็ดเสมอกันได้ แต่นั้นก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด สำหรับไพฑูรย์ขอแค่มีหน้าพลอยที่สวยงามเหมาะสมแล้ว

พระนางพญาเนื้อดิน

พระนางพญาเนื้อดิน

พระนางพญาเนื้อดิน พิมพ์อกนูน

พระนางพญา เป็นพระเครื่องอีกองค์ ที่ได้รับความนิยจากผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง ที่จะต้องหามาบูชาไว้ เพราะตามความเชื่อนั้น พระนางพญาให้คุณทางด้านเมตตา คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ มีบารมีต่าง ๆ จึงทำให้มีการหามาบูชา และ เป็นหนึ่งในพระเบญจภาคี

และ สำหรับพระนางพญาพิมพ์อกนูนนั้น เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ของการสร้างพระนางพญา ซึ่ง ตามตำรา หรือ ประวัตินั้น มีต้นกำเนิดจากวัดนางพญา จ.พิษณุโลก เป็นพิมพ์ที่มีความงดงาม ค่อนข้างหายาก

เนื้อดินนั้นเป็นดินเผา และ เป็นพระกรุเนื้อดิน ที่หลาย ๆคนต้องการหามาไว้ในครอบครอง เพราะพิมพ์นี้จะค่อนข้างหายาก หากเป็นพระกรุด้วยแล้วจะหายากมาก ซึ่งที่เรียกกันว่าพิมพ์อกนูนนั้น มาจาก พระอุระ หรือ บริเวณหน้าอก ของอกพระจะนูนออกมา

ซึ่งจะมีสองแบบ คือ นูนเล็ก และ นูนใหญ่ พระเศียรจะใหญ่กว่าพิมพ์อื่นเล็กน้อย พระเกศเหมือนทรงกระบอก พระพักตร์จะใหญ่ หากเทียบกับพิมพ์ สังฆาฎิ และ พิมพ์เทวดา กระกรรณ นูนเด่น เส้นสังฤาฎิ ด้านซ้าย จะยาวเลยไหล่ซ้าย พระอุระ หนา พระกร ทั้งสองข้างจะมีความหนา ซึ่งจุดเด่นต่าง ๆ นี้จะเป็นลักษณะพิเศษขององค์พระนางพญาพิมพ์นูนเนื้อดิน

หินทิเบต เครื่องประดับความเชื่อ

หินทิเบต เป็นเครื่องประดับหินอีกชนิดที่ผู้ที่ชื่นชอบเครื่องประดับหินในบ้านเรานิยมกัน และ มีราคาที่ค่อนข้างสูงพอสมควร บางชิ้นนั้นราคาหลักหมื่นกันเลยทีเดียว ซึ่งขึ้นอยู่กับ ความเก่า และ ลวดลายของหิน ซึ่งตามตำนานนั้นมีความเชื่อต่าง ๆ

และ ลวดลายของหินทิเบตก็มีความเชื่อต่าง ๆ กัน ซึ่งเป็นเทคนิคโบราณ ซึ่งในยุคสมัยเริ่มต้นนั้นลวดลายจะเกิดจากธรรมชาติ แต่ต่อมาได้มีวิวัฒนาการของคนโบราณจึงคิดทำลวดลายต่างๆ ตามความเชื่อของคนแต่ละยุค และ ยังมีการสืบทอดมาจนปัจจุบัน ซึ่งหินทิเบตเก่าแก่ที่มีอายุนับพันปีนั้นแทบไม่มีขายส่วนมากจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น

ส่วนหินทิเบตขุดค้นเจอและมีอายุหลักร้อยปีนั้น ยังมีขายกันบ้างแต่ราคาแพงมาก ส่วนหินทิเบตใหม่ ซึ่งมีการผลิตจากชาวทิเบตแท้ ๆ ที่สืบทอดกรรมวิธีจากโบราณ และ มีการปลุกเสกทางพิธีกรรมนั้น ราคามีหลากหลายตามลวดลายและความยากง่าย ความเก่า มีราคาตั้งหลักร้อยจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว

ส่วนหินทิเบตที่ทำจากโรงงานผลิตนั้น ซึ่งมีทั้งโรงงานในจีน ไต้หวัน และ ทิเบต เอง แต่หินเหล่านี้จะเป็นของเลียนแบบเพราะไม่มีการปลุกเสกไม่มีพลังในทางต่าง ๆ และเป็นเครื่องประดับอย่างเดียว ซึ่งราคามีหลากหลายแล้วแต่ความนิยมในแต่ละช่วงเวลา